วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
คำถามท้ายบทที่ 6
1. ระบบสารสนเทศมีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานและโครงสร้างขององค์การอย่างไร
ตอบ 1 ลดระดับขั้นของการจัดการ เทคโนโลยีช่วยในการตัดสินใจและการประสานงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบทุกขั้นตอน ทำให้สามารถลดระดับชั้นของผู้บริหารระดับกลางได้และให้ผู้บริหารระดับล่างมีอำนาจการตัดสินใจมากขึ้น
2. มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน เทคโนโลยีสามารถช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ช่วยให้องค์การสามารถผลิตสินค้าที่ลูกค้าแต่ละกลุ่มต้องการ
3. ลดขั้นตอนการดำเนินงาน เทคโนโลยีสารสนเทศถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้มีกระบวนการทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและลดเวลาที่ต้องใช้ ทำให้การบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน ระบบสารสนเทศช่วยให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางการบริหารจัดการ โดยสามารถให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานของระบบต่างๆในองค์กรได้ตลอกเวลา
5. กำหนดของเขตการดำเนินงานใหม่ ระบบสารสนเทสที่เชื่อมต่อผ่ายเครือข่ายช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์การได้ และมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์การและคู่ค้าซึ่งเป็นการกำหนดของเขตการดำเนินงานใหม่
2. องค์การเสมือนจริงมีลักษณะอย่างไร และมีข้อดีอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับองค์การโดยทั่วไป
ตอบ 1. มีของเขตขององคืการไม่ชัดเจน คือ องค์การเป็นแบบดั่งเดิม เนื่องจากองคืการต่างๆที่ประกอยกันเป็นองค์การเสมือนจริงนั้นอาจกระจายอยู่ต่างสถานที่กัน ทำให้ยากต่อการกำหนดขอบเขตที่แน่ชัดขององค์การ
2. ใช้เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม การเชื่อทโยงองค์การอิสระต่างๆ ที่อยู่ต่างสถานที่หรืออยู่ห่างไกลกันเข้าเป็นเครือข่ายขององคืการต้องอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
3 มีความเป็นเลิศ ในการรวมตัวกันเป็นองค์การเสมือนจริงนั้นองค์การอิสระแต่ละองค์การจะนำความสามารถหลักหรือความเป็นเลิศมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการตลาด
4 มีความไว้วางใจ สมาชิกในองค์กรเสมือนจริงกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ การทำงานไม่อยู่ในสถานที่เดียวกันเนื่องจากการทำงานมีความสัมพันธ์กันอย่างมากจึงต้องมีความไว้วางใจว่าสามารถรับผิดชอบและงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ
5 มีโอกาสทางการตลาด องค์การอิสระรวมกันเป็นองค์การเสมือนจริงในลักษณะถาวรหรือชั่วคราวเนื่องจากมองเห็นว่ามีโอกาสทางการตลาด เช่น การรวมกันขององค์การอิสระเป็นองค์การเสมือนจริงเพื่อทำโครงการขนาดใหญ่ และจะสลายตัวเมื่อโครงการจบ
3. ระบบสารสนเทศสามารถถูกจัดเป็นประเภทใดบ้าง อธิบายและยกตัวอย่างระบบสารสนเทศในแต่ละประเภท
ตอบ 1. ระบบสารสนเทศจำแนกตามประเภทธุรกิจ โดยทั่วไปจะเป็นระบบขนาดใหญ่โดยประกอบด้วยระบบสารสนเทศที่จำแนกตามหน้าที่ย่อยๆหลายระบบ เช่น ระบบสารสนเทศงานการบริหารโรงแรมจะประกอบด้วย ระบบสำรองห้องพัก ระบบบัญชี ระบบการจัดการห้องพัก และการบริหารงานส่วนบุคคล
2. ระบบสารสนเทศจำแนกตามหน้าที่ของงาน แต่ละระบบสามารถประกอบด้วยระบบสารสนเทศย่อยๆเป็นกิจกรรมของงานหลัก เช่น ระบบสารสนเทศจัดการทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วยระบบย่อยๆคือ ระบบการจัดการพนักงานข้อมูล ระบบการสรรหาและคัดเลือก ระบบฝึกอบรม ระบบประเมินผล และระบบสวัสดิการ เป็นต้น
3. ระบบสารสนเทศจำแนกตามลักษณะการดำเนินงาน คือ ผู้บริหารในองค์การที่แตกต่างกัน(ผู้บริหารระดับปฏิบัติการ ผู้บริหารระดับกลาง และผู้บริหารระดับสูง) มีความต้องการในการใช้ระบบสารสนเทศที่แตกต่างกันดังนั้นจึงมีการออกแบบให้มีความสอดคล้องกับการนำสารสนเทศไปใช้
4. ระบบสารสนเทศสำนักงาน (ois) แตกต่างจากระบบสารสนเทศการประมวลผลธุรกรรม (tps) อย่างไร
ตอบ ระบบสารสนเทศสำนักงาน(ois) เป็นระบบที่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์เพื่อช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารเช่น การจัดทำเอกสาร จดหมาย การส่งข้อความ เป็นระบบที่จัดเอกสารไว้ในแฟ้มข้อมูลและประมวลผลที่เกิดจากการธุรกรรมและปฏิบัติงานประจำ
5. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างระบบ tps,ois,mis,dss และ eis
ตอบ ระบบประมวลผลธุรกรรม(tps)จะส่งข้อมูลไปยังระบบสนันสนุนการตัดสินใจ(dss)แลระบบสารสนเทศสำนักงาน(ois)และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ(mis) ระบบสารสนเทศสำนักงานจะส่งข้อมูลไปยังระบบสนับสนุนการตัดสินใจ(dss)แลยังส่งไปมมากับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ(mis)
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการและระบบสารสนเทศสนับสนุนการตัดสินใจสองอย่างนี้เท่านั้นที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร(ess)
วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
กรณีศึก SF Cinema City นำไอทีพัฒนาธุรกิจและบริการ
SF Cinema City นำไอทีพัฒนาธุรกิจและบริการ
1. ระบบไอทีที่เอส เอฟ ซีนีม่า ซิตี้ นำมาใช้นี้ส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจและผู้ใช้บริการอย่างไรบ้าง
ตอบ 1. ทำให้โรงภาพยนตร์มีค่าใช้จ่ายลดลง
2 ทำให้โรงภาพยนตร์มีรายได้เพิ่มขึ้น
3 ลูกค้าได้รับความสะดวกจากการให้บริการ
4 ตอบสนองความต้องการแก่ผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว
5ในการจำหน่ายบัตรมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
2. ระบบที่นำมาใช้นี้มีข้อจำกัดอะไรบ้าง
ตอบ 1. ประชาชนคนไทยยังไม่ให้ความไว้วางใจในความปลอดภัยในการการชำระเงินผ่านบัตรเครติตโดยผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต โดยเชื่อว่าระบบการชำระเงินยังไม่แน่นอนและความปลอดภัยในด้านข้อมูลส่วนตัวอาจรั่วไหลทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
2 มีข้อจำกัดสำหรับผู้ไม่มีบัตรเครดิตให้ผู้มีรายได้น้อย และอาจเป็นข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบระหว่างลูกค้าได้ เช่น การจองตัวผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตสำหรับผู้มีบัตรเครดิต อาจได้รับที่นั่งดีกว่า ผู้ที่ไม่ใช้บัตรเครดิต เนื่องจาก ผู้ไม่มีบัตรเครดิต จำเป็นต้องจองตั๋วหน้าโรงหนัง เป็นต้น
3. หากจะนำระบบไอทีของเอส เอฟ ซินีม่า มาให้บริการด้านอื่น ๆ จะแนะนำให้นำไอทีมาต่อยอด
ตอบ 1. ธุรกิจให้บริการ เช่น ร้านอาหาร(จองโต๊ะ), นวดแผนโบราณ, โรงแรมหรือที่พักต่างๆ
2 ธุรกิจบันเทิง เช่น คาราโอเกะ (จองห้อง), การแสดงละครเวที, คอนเสริต์, กีฬาต่างๆ
3 การจองตั๋วเครื่องบิน, รถโดยสารประจำทาง (กรุงเทพฯ- เชียงใหม่)
4. ร้านจำหน่ายหนังสือหรือ โรงพิมพ์ เช่น การสั่งจองหนังสือ
คำถามท้ายบทที่ 5
1। Instant Messaging (IM) คืออะไร สามารถสนับสนุนกระบวนการดำเนินธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
ตอบ Instant Messaging ก็คือการสนทนาทางโทรศัพท์อย่างหนึ่งแต่เป็นในรูปของตัวอักษร พนักงานในบริษัททั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างใช้ IM เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร สำหรับคนอีกจำนวนมาก IM คือการสื่อสารสำรองเมื่ออีเมล์มีปัญหาหรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ Instant Messaging สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีกับทีมงานหรือโครงการต่างๆ มากกว่าผู้จำหน่ายปลีก ผู้มีอาชีพอิสระ ฯลฯ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ IM ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน แต่ไม่เปิดให้มีสัมพันธ์ภาพใหม่เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากประโยชน์เรื่องการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายแล้ว การใช้เครื่องมือดังกล่าวมีความเสี่ยงและข้อเสียเช่นกัน
2. E-Commerce แตกต่างจาก E-Business อย่างไร
ตอบ E-Commerce คือ การค้าอิเล็กทรอนิกส์ การดำเนินธุรกิจทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารโทรคมนาคมหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์
E-Business คือ การดำเนินธุรกรรมทุกขั้นตอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในส่วนหน้าร้านและหลังร้าน
3. จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างการทำธุรกิจแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B), ธุรกิจกับลูกค้า (B2C), ธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) และลูกค้ากับลูกค้า (C2C)
ตอบ - ธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) เป็นการทำธุรกรรมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มุ่งเน้นให้บริการกับลูกค้าที่เป็นองค์การธุรกิจด้วยกัน
- ธุรกิจกับลูกค้า (B2C) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ขายที่เป็นองค์การธุรกิจกับผู้ซื้อหรือลูกค้าแต่ละคนอาจเป็นการค้าปลีกแบบล็อตใหญ่หรือเหมาโหล
- ธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) เป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธุรกิจเอกชนกับภาครัฐ ได้แก่ การประมูลออนไลน์ และการจัดซื้อ-จัดจ้าง และการจดทะเบียนการค้า
- ลูกค้ากับลูกค้า (C2C) เป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ซึ่งการแลกเปลี่ยนและซื้อ-ขายสินค้าอาจทำผ่านเว็บไซต์
4. จงยกตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประสบความสำเร็จและล้มเหลวมาอย่างละ 5 ข้อ
ตอบ 1. สำเร็จเท่าที่ควร โดยพฤติกรรมการบริโภค หรือ ซื้อสินค้าของคนไทยแตกต่างจากคนชาติอื่นๆ เพราะคนไทยนิยมซื้อสินค้าและบริการที่สามารถมองเห็น จับต้องได้ ซื้อผ่านผู้ขายต่อหน้าโดยตรงและใช้เงินสด
2। การชำระผ่านบัตรเครดิต ลูกค้าเพียงใส่หมายเลขบัตรเครดิตและวันหมดอายุของบัตร ในหน้าเว็บไซต์ของการชำระเงินเท่านั้น ทำให้เกิดการปลอมแปลงได้ง่าย
5. อินเทอร์เน็ตส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์กับลูกค้าอย่างไรบ้าง
ตอบ เป็นสื่อระหว่างผู้ผลิตกับลูกค้าในการซื้อขายสินค้า รูปแบบการชำระเงินส่วนใหญ่จะผ่านระบบบัตรเครดิต
6. อินเทอร์เน็ตมีประโยชน์ต่อการให้บริการลูกค้าอย่างไรบ้าง
ตอบ ช่วยให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการดูสินค้า สั่งซื้อสินค้า การชำระเงิน และการติดต่อสื่อสารด้านอื่นที่ทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความสะดวกมากขึ้น
7। ในยุคของความเจริญของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การจำหน่ายซอฟต์แวร์ในรูปของซีดีรอมน่าจะลดน้อยลงและได้รับความนิยมน้อยกว่าการจำหน่ายโดยวิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเทอร์เน็ต แต่ในปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้น การจำหน่ายซอฟต์แวร์ในรูปของซีดีรอมยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ท่านคิดว่าเป็นเพราะเหตุใด
ตอบ เพราะซอฟต์แวร์บางอย่างสามารถดาวน์โหลดผ่านทางอินเทอร์เน็ตแต่จะไม่สมบูรณ์เท่ากับซอฟต์แวร์ที่อยู่ในรูปแบบของซีดีรอม เช่น แผ่นโปรแกรมต่างๆ และซีดีรอมยังเป็นการเก็บข้อมูลไว้ในแผ่นซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายได้
วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
คำถามท้ายบทที่ 1

- การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เป็นกิจกรรมการรวยรวมข้อมูลเข้าสุ่ระบบเพื่อการประมวลผลข้อมูล
- การประมวลผล เป็นการนำทรัพยากรที่ได้นำสู่ระบบปรับเปลี่ยน ให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย เพื่อใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ วางแผน ควบคุม และดำเนินงานด้านต่างๆในการประมวลผล สามารถกระทำด้วยมือ หรือใช้คอมพิวเตอรืเข้าช่วย
- เป็นผลผลิตที่ได้จากการประมวลผล โดยทั่วไปอยู่ในรูปของเอกสารหรือรายงานสารสนเทศที่จัดทำสำหรับธนาคาร หน่วยงานรัฐบาล
2.ข้อมูลสารสนเทศ และสารสนเทศกับความรู้แตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ - ข้อมูล และสารสนเทศมีความสำคัญต่อการนำไปใช้เพื่อการตัดสินใจ ดังนั้น การจัดการกับข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ จึงเป็นหัวใจสำคัญของการประกอบธุรกิจและการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน
- ความรู้ คือ การรับรู้และความเข้าใจสารสนเทศถึงระดับที่สามารถวิเคราะห์ และสังเคราะห์ได้ คือมีความเข้าใจ (Understanding) ในองค์ประกอบต่างๆ จนอาจสร้างเป็นทฤษฎี หรือแบบจำลองทางความคิด และสามารถนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาในการดำเนินงานได้
3।ส่วนประกอบของสารสนเทศทั่วๆไปมีอะไรบ้าง
ตอบ
- ฮาร์แวร์ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณต่อพ่วงเพื่อใช้ในการทำสารสนเทศ ได้แก่ แป้นพิมพ์ เมาส์ จอภาพ เครื่องพิมพ์
- ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรม เป็นชุดคำสั่ง เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์ทำงาน
- ข้อมูล เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของระบบเพื่อใช้ในการประมวลผลให้ได้สารสนเทศในการตัดสินใจ อาจจะอยู่ในรูป ตัวอักษร ตัวเลข รูปภาพ
- การสื่อสารและเครือข่าย เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสารและแลกเปลี่ยนโปรแกรมและข้อมุลดดยผ่านสื่อนำข้อมูล เช่น สายโทรศัพท์ สายเคเบิล
- กระบวนการทำงาน เป็นกฎหรือข้อบังคับ คำแนะนำในการใช้โปรแกรม ฮาร์ดแวร์ และการกระทำกับข้อมุล
- บุคคลากร เป็นบุคคลที่จัดการให้คอมพิวเตอ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำงานร่วมกับผู้ใช้(User)
4।ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์คืออะไร (CBIS) คืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ตอบ Computer-based Information System (CBIS)การพัฒนาและประยุกต์เอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และการสื่อสารมาใช้ควบคู่กับสารสนเทศกลายเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในปัจจุบัน เพื่อลอกความผิดพลาดหรือล่าช้าที่จะผลิตสารสนเทศออกมา เช่น ระบบอินเตอร์เน็๖ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการส่งข้อมูล และสารสนเทศถึงกันและกัน ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย 6 ส่วนหลักคือ 1।ฮาร์ตแวร์ 2।ซอฟแวร์ 3।ข้อมูล 4.การสื่อสารหรือเครือข่าย 5.ขบวนการทำงาน 6.บุคคลากรที่จัดการให้คอมพิวเตอร์ดีขึ้น
คำถามท้ายบทที่ 3

