คำถามท้ายบทที่ 3


1.) จากภาพที่กำหนดให้ จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ พร้อมยกตัวอย่าง
- ฐานข้อมูล (Database) หมายถึง แหล่งที่ใช้สำหรับการรวบรวมโดยข้อมูลซึ่งอยู่ในรูปแฟ้มข้อมูลมารวมไว้ที่เดียวกัน รวมทั้งส่วนของพจนานุกรมข้อมูล เก็บคำอธิบายเกี่ยวกับโครงสร ้างฐานข้อมูล และข้อมูลที่จัดเก็บนั้นต้องมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันทำให้สามารถสืบค้น แก้ไข ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่าง ฐานข้อมูลของโปรแกรมเช่าหนังสือ


- คลังข้อมูล (Data Wearhouse)
ตอบ หมายถึง ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมข้อมูลทั้งจากแหล่งข้อมูลภายในและภายนอกองค์กร โดยมีรูปแบบและวัตถุประสงค์ ของการจัดเก็บข้อมูลแตกต่างจากฐานข้อมูลปฏิบัตการทั่วไป การพัฒนาระบบคลังข้อมูลเริ่มจากการออกแบบฐานข้อมูล ซึ่งวิธีการหนึ่งเรียกว่า ระเบียบวิธี 9 ชั้นของ Kimball จะเน้นที่การออกแบบจากระบบงานย่อยหรือดาต้ามาร์ทของแต่ละระบบงานในองค์กรก่อนจึงนำส่วนย่อยๆ นั้นมารวมเป็นระบบคลังข้อมูลขององค์กรต่อไป
- ดาต้ามาร์ท (Data Mart)
ตอบ หมายถึง คือคลังข้อมูลขนาดเล็กที่มีลักษณะเจาะจง สำหรับใช้ในองค์การธุรกิจ มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าคลังข้อมูล และการจัดทำข้อมูลดาต้ามาร์ท ใช้เวลาที่สั้นกว่าคลังข้อมูล และการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจภายในหน่วยงานสะดวกกว่าการใช้คลังข้อมูล
- ดาต้าไมนิ่ง (Data Mining)
ตอบ เป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถกลั่นกรอง วิเคราะห์ข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์หรือได้ข้อมูลที่ซ่อนเร้นอยู่ในข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาล และนำข้อมูลที่มีประโยชน์มาใช้เป็นฐานความรู้เพื่อช่วยในการบริหารงาน
- การประมวลผลเชิงวิเคราะห์แบบออนไลน์ (OLAP)
ตอบ เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถในการค้นหารและวิเคราะห์ข้อมูลจากคลังข้อมูลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถใช้ OLAP ในการวิเคราะห์ข้อมูลในลักษณะต่างๆ เช่น การหมุนมิติ, การเลือกช่วงข้อมูล, การเลือกลำดับชั้นของข้อมูล
- จากภาพที่กำหนด A, B และ C ให้ จงระบุและอธิบายว่า A, B และ C หมายถึงสิ่งใด
ตอบ A = คลังข้อมูล (Data Wearhouse) คือ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน
B = ดาต้ามาร์ท (Data Mart) คือ คลังข้อมูลขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงและใช้สำหรับองค์การธุรกิจ
C = ดาต้าไมนิ่ง (Data Mining) คือเครื่องมือในการสกัดข้อมูลและประมวลผลในเชิงวิเคราะห์ขั้นสูงจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่
2.) จงอธิบายประโยชน์ของคลังข้อมูลที่มีต่อพนักงานปฏิบัติการขององค์การ
ตอบ คลังข้อมูล (Data Warehouse) ที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายเหล่งเข้าด้วยกันเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ขององค์กร โดยข้อมูลในคลังข้อมูลอาจมาจากฐานข้อมูลทั้งภายในและภายนอกองค์กรแล้วทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและมีข้อมูลที่พร้อมจะนำมาประมวลผล สำหรับการสนับสนุนด้านการบริหารและตัดสินใจ ประโยชน์ของคลังข้อมูลมีการแบ่งโครงสร้างเนื้อหา และข้อมูลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และสามารถเก็บ ข้อมูลย้อนหลัง 3-5 ปีและคลังข้อมูลจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่า
3.) ธุรกิจอัจฉริยะ หรือ Business Intelligence คืออะไร และมีการนำไปใช้งานอะไร
ตอบ คือ การใช้ข้อมูลขององค์การที่มีคุณค่ามาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในการดำเนินงานของธุรกิจ ซึ่งโดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการเข้าใช้งานข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการค้นพบโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินการทางธุรกิจ การนำไปใช้ ได้แก่
- การจัดทำประวัติของลูกค้า
- การประเมินถึงสภาพของตลาด
- การจัดกลุ่มของตลาด
- การจัดลำดับทางด้านเครดิต
- การเพิ่มความสามารถในกรทำกำไรของผลิตภัณฑ์
- การจัดการความเคลื่อนไหวของสินค้าคงคลัง
4.) จงยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ดาต้าไมนิ่งในธุรกิจอื่นๆ ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในบทนี้มาอย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
ตอบ ธุรกิจโทรคมนาคม
- วิเคราะห์การใช้สื่อโทรคมนาคมของประชาชน
- ทำนายการพัฒนาของอุปกรณ์สื่อสารในอนาคต
- การวิเคราะห์และพัฒนาหารูปแบบใหม่ๆ ในการให้บริการ
ธุรกิจรักษาความปลอดภัย
- วิเคราะห์แนวโน้มการก่ออาชญากรรมพื้นที่ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
- สามารถวิเคราะห์ความประพฤติและพฤติกรรมของแต่ละชุมชนที่ให้บริการ
- วิเคราะห์ถึงระบบการรักษาความปลอดภัยในเขตชุมชนต่างๆ
- วิเคราะห์และจัดสรรบุคคลกรที่เหมาะสมในการให้บริการแต่ละพื้นที่
ธุรกิจให้การศึกษาต่างๆ
- สามารถวิเคราะห์ถึงแนวโน้มการศึกษาในอนาคต
- สามารถนำมาปรับเปลี่ยนการให้ความรู้แก่นักศึกษาในแนวทางที่เกิดขึ้นในอนาคต (การศึกษาแผนใหม่)
- วิเคราะห์และพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาให้มีคุณภาพระดับแนวหน้า
5.) จากปัญหาของแฟ้มข้อมูลที่ได้กล่าวในตอนต้นของบทนี้ ท่านคิดว่าคลังข้อมูลและดาต้าไมนิ่งช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไรบ้าง
ตอบ คลังข้อมูลมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและหลากหลายชนิด เข้าด้วยกัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะได้รับการเลือก, กลั่นกรอง และปรับแก้ไขทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และยังมีดาต้าไมนิ่งซึ่งช่วยในการ ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดความรู้ใหม่ๆจึงส่งผลให้มีความคล่องตัวในการใช้ลดความช้ำซ้อนของข้อมูล, มีความเป็นอิสระของข้อมูล, สนับสนุนการใช้งานร่วมกัน, มีความคล่องตัวในการใช้งานและ มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น